มาอัพเดทสถานที่ปีนหน้าผาที่ใหม่ในประเทศไทย และครั้งนี้มีณได้ไปเยือนที่ จังหวัดกาญจนบุรี ขอบอกเลยว่า “ตื่นเต้นมาก” ตั้งแต่จำความได้ มีณได้ไปเยือนแค่ครั้งเดียวเอง ไม่ใช่ไปปีนหน้าผา แต่ไปทัศนศึกษาของโรงเรียน 😂
จากกรุงเทพมหานครจนถึงกาญจนบุรี ใช้เวลาประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง โดยรถยนต์นะคะ ส่วนรถไฟมีสถานีที่อยู่ใกล้ๆ ทั้งที่ปีนและแหล่งชุมชน มีชื่อสถานีว่า วังโพ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง 8 นาที
แต่ถ้าขับรถไป สะดวกมากกว่าค่ะ
มีณกล่าว
มีหลายคนได้นึกสงสัยบ้างไหมคะ? ว่าใครกันที่เป็นผู้ริเริ่ม แล้วพวกเค้าทำไปทำไมกันนะ? เพราะจากประสบการณ์ที่มีณปีนหน้าผามา จะ Indoor หรือ Outdoor ล้วนต้องผ่านกระบวนการหลากหลายอย่างมาก ซึ่งมันไม่ง่ายอย่างที่พวกเราเห็นผลลัพธ์ล่าสุดหรอกค่ะ มีณจึงได้มีโอกาสสอบถามพี่ๆที่แนะนำให้มาปีนที่นี่นี่แหละ ว่าอะไรคือสาเหตุของการทำโปรเจคครั้งยิ่งใหญ่นี้

พี่ดล คือหนึ่งในนักปีนหน้าผาที่อยู่วงการนี้มานานเกือบ 20 ปี หลายคนรุ่นเก่าจะจำพี่เค้าได้รวมถึงมีณ แต่คนรุ่นใหม่อาจจะไม่รู้จักมากนัก เพราะพี่ดลไม่ใช่สายนักกีฬาเพื่อแข่งขัน แต่พี่ดลเป็นนักปีนหน้าผาเพื่อความสนุกและความชอบส่วนตัวเท่านั้นเอง
สาเหตุที่พี่ดลอยากทำเส้นทางปีนหน้าผาที่เมืองกาญจนบุรีแห่งนี้ เป็นเพราะว่า
ใกล้บ้าน และอยากมีที่ปีนหน้าผาใกล้ๆ
พี่ดล กล่าว
หลังจากนั้นพี่ดลเริ่มสำรวมเส้นทางในเมืองแห่งนี้ หาภูเขาที่เหมาะแก่การปีนหน้าผา และเริ่มติดตั้งอุปกรณ์ จุด Safety ตามบริเวณต่างๆ รวมถึงทำเคลียร์พื้นที่ป่าให้ดูสะอาด ปลอดภัย ตั้งแต่ เดือนพฤษภาคม ปี 2562 ที่ผ่านมา ต้องขอบอกเลยว่า มีพี่ดล พี่วี (น้องชาย) และเพื่อนร่วมงานแค่สามคนเท่านั้นเอง ที่เป็นผู้ที่ริเริ่ม จัดตั้งขึ้น ซึ่งพี่วีเป็นนักปีนหน้าผาเช่นกัน
เราทำเพราะเรารักในสิ่งที่ทำ และเราอยากสร้างสังคมนักปีนหน้าผาให้กว้างขวางมากขึ้น อยากเชิญชวนเหล่านักปีนมาสัมผัสบรรยากาศในเมืองกาญจน์แห่งนี้
พี่ดลและพี่วี กล่าวพร้อมกัน
จากประสบกาณ์ที่ทำโปรเจคนี้ขึ้นมา พี่ดลได้เล่าหนึ่งในช่วงเหตุการณ์ให้ฟังว่า “ตอนที่พี่ขึ้นไปข้างบนประมาณ 20-25 เมตร อยู่ดีๆ มือที่พี่ดลยึดจับไว้กับหินก็หล่นออกมา และแน่นอนตัวพี่ก็หล่นมาด้วย แต่ไม่ถึงพื้นหรอกนะ เพราะพี่ทำ Safety ไว้หลายชั้น ถึงแม้จะตกใจไปบ้าง แต่ก็ยังทำต่อไป” เนื่องจากการสำรวจย่อมมีโอกาสที่ได้พบหินหลากหลาย ทั้งเปราะบาง และแข็งแรง ในบางครั้งตอนเดินเข้าไปในป่า พวกพี่ดลก็ต้องเจอสิ่งแปลกประหลาด หรือสัตว์แปลกๆก็มี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อพี่เค้าทำในสิ่งที่ชอบ ไม่มีอะไรไปขัดขวางหรือเปลี่ยนแปลงความคิดของเค้าได้
หากมีคนถามว่าพี่มีเวลาว่างมากหรอคะ? เพราะสิ่งที่ทำไม่ใช่จะเสร็จภายใน 2-3 เดือน แถมไม่มีรายได้อะไรเพิ่มด้วย มีแต่จ่ายและจ่าย
แล้วคุณเชื่อไหม? คำตอบของพี่ดลก็คือ
พี่ไม่มีเวลาหรอก แต่พี่อยากทำ
พี่ดล กล่าว
ปัจจุบันพี่ดลทำงานเป็นช่างปั้นประติมากร และพี่วีทำงานด้านทาสี ตกแต่ง (Painter) ซึ่งเป็นงานประจำ และมีสตูดิโออยู่ใกล้ๆที่นี่ บางวันพี่เขาเล่าว่า “เลิกงานเสร็จ สิ่งแรกที่พี่ดลและพี่วีทำต่อ ไม่ใช่ไปกินข้าว แต่ไปที่หน้าผาพุเต่า เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเส้นทางปีนหน้าผาต่อไป” จนเสร็จมืดค่ำก็มี
มีณนับถือน้ำใจของพวกพี่อย่างมาก ที่ทั้งทุ่มเทแรงกาย แรงใจในการสรรสร้างสิ่งใหม่ๆ จากที่ไม่เคยมีอะไร กลับเป็นสถานที่ปีนหน้าผาขึ้นมาได้ และมีณเชื่อว่าในอนาคตเมื่อแหล่งปีนหน้าผาได้รับการพัฒนา มีเหล่านักปีนหน้าผาจากทั่วมุมโลกอยากมาลองและสัมผัส รวมถึงได้สร้างเศรษฐกิจให้กับเหล่าชุมชน และเพื่อนบ้านให้มีรายได้ ดังนั้นจะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มอีกหนึ่งที่ในละแวกนี้ด้วยค่ะ
กระบวนการทำงาน เคลียร์พื้นที่ เดินขึ้นเขา พี่วีและพี่ดล
ในเมื่อพวกเรารู้แหล่งต้นกำเนิดของเส้นทางปีนหน้าผาในเมืองแห่งนี้แล้ว… หลังจากนี้มีณจะแนะนำสถานที่ปีนหน้าผา ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 3 หน้าผา ต่างสถานที่ ซึ่งถ้ามีรถยนต์ส่วนตัวไปเองจะสะดวกมากเลยค่ะ (Update 31 March 2564)
หน้าผา พุเต่า
เป็นหน้าผาแห่งแรกๆ ที่พี่ดลและพี่วีทำเส้นทางไว้ เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2562 ลักษณะหินของที่นี่เป็นแบบหินปูน (Lime Stone) มีผสมกับหินแกรนิต (Granite Stone) หน่อยๆ บางส่วนมีคมบ้าง แต่เส้นทางการปีนที่มีณได้ลองนี่สุดยอดค่ะ มีทั้งง่ายระดับ 5c ไปจนถึง 7c เลยทีเดียว (Phu Tao Location)




หลังจากขับเข้ามาในถนนดินลูกรังจนถึงภูเขาพุเต่า พวกเราจะจอดรถไว้ข้างทาง โดยไม่จอดในส่วนของพื้นที่เกษตรที่ปลูกไร่กันอยู่นะคะ จากนั้นเราจะเห็นทางเข้า ซึ่งพี่ดลและพี่วีได้ทำทางไว้ให้ก่อนหน้านี้แล้ว พวกเราต้องเดินด้วยเท้าขึ้นไป แต่เดินไม่ไกลนะคะ ประมาณ 50-100 เมตรเอง และทางเดินไม่ชันมาก ถือว่าแบบสบายมากเลย บรรยากาศดี้ดี

ทุกครั้งที่มาปีนหน้าผาจริงนอกสถานที่เช่นนี้ พวกเราควรเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุต่างๆนาๆ โดยเฉพาะหมวกกันน็อก ของปีนหน้าผา เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องนำติดตัวมาด้วย เพราะเนื่องจากเป็นสถานที่ใหม่ และหินเองบางส่วนยังเคลียร์ไม่หมด อาจจะมีหินเล็กหินน้อยหล่นร่วงมาบ้าง ควรพกมาป้องกันดีที่สุดค่ะ


ซึ่งหน้าผาพุเต่าแห่งนี้ สามารถมาปีนได้ตั้งแต่ 10 โมงเช้ายันเย็นเลย เพราะอยู่ในร่มไม่มีแดด รวมถึงมีลมอ่อนๆ ด้วยนะ

ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีณและพวกพี่เหล่านักปีนหน้าผาบางส่วนได้เข้ามาลองเส้นทางกันเป็นที่เรียบร้อย ขอบอกเลยว่า สนุกมาก ไม่แพ้ที่จังหวัดกระบี่ หรือสระบุรีเลยนะ ยิ่งเมืองกาญจนบุรีเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอยู่แล้ว เช่น น้ำตก ถ้ำ หรือสะพานข้ามแม่น้ำแควที่มีเสียง หลังจากทำกิจกรรมปีนหน้าผา มีณยังสามารถไปท่องเที่ยวสถานที่อื่นได้อีกด้วย (สถานที่ท่องเที่ยวเมืองกาญจนบุรี)
MAP MAP TOPO TOPO

หน้าผา ปั้ม
หน้าผาแห่งที่สอง ซึ่งทางพี่ดลและพี่วีได้ทำการสำรวจและทำเส้นทางการปีนมีทั้งยากง่ายสลับกันไป ซึ่งลักษณะของหินเป็นแบบหินปูน (Lime Stone) ผสมๆนิดหน่อยค่ะ
เดินขึ้นเขาประมาณ 10-15 นาทีก็จะถึงหน้าผาคะ ชันไม่มาก แต่สำหรับนักปีนอย่างพวกเรา ของแค่นี้สบายแบบหมูๆ แน่นอน! Pump Crag Location

หน้าผา HUG HILL
เนื่องจากเป็นหน้าผาที่อยู่ใกล้ร้านกาแฟที่มีชื่อว่า Hug Hill จึงได้ตั้งชื่อหน้าผาแห่งนี้ว่า HUG HILL ไปด้วยเลย ซึ่งปัจจุบันได้เปิดเป็นโฮมสเตย์ (Home Stay) ด้วยนะคะ เผื่อใครสนใจอยากพักใกล้ๆที่ปีนหน้าผา มีณขอแนะนำที่นี่เลยค่ะ
ทุ่งทานตะวันหน้าร้าน บรรยากาศภายในร้าน บ้านพัก จักรยานให้ปั่นฟรี บรรยากาศห้อง 😍 ห้องอาบน้ำ / ห้องน้ำ ตัวเอง + ทีวี 📺
ถือว่าเป็นหน้าผาน้องใหม่ เพิ่งเสร็จหมาดๆ พร้อมเกรดการปีนที่ค่อนข้างยากยิ่งขึ้น แต่ความสูงของเส้นทางการปีนที่นี่ไม่เกิน 25 เมตรค่ะ ทางเดินขึ้นเขาก็ช่างแสนสั้น 😅 ลักษณะของหินเป็นแบบ หินปูน (Lime Stone) และค่อนข้างคม (Hug Hill Climbing Location) สามารถมาปีนได้ทั้งวัน เพราะร่มเย็นตลอดเวลา
YOUTUBE : White Umbrella 7c at HUG HILL Crag
YOUTUBE : Black Popcorn 7b at HUG HILL Crag
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ? สำหรับบทความนี้มีณตั้งใจเขียนขึ้นมา เพื่ออยากจะแนะนำให้เหล่านักปีนหน้าผาทุกท่านได้ทราบข้อมูลโดยทั่วกัน ว่าเมืองกาญจน์แห่งนี้ ก็มีสถานที่สำหรับปีนหน้าผาแล้วนะ ซึ่งยังเปิดไม่เป็นทางการ แต่ก็เริ่มทยอยให้ผู้ที่สนใจลองมาปีนกันได้ค่ะ
ต้องขอขอบคุณ พี่ดลและพี่วี ที่เป็นผู้บุกเบิกเส้นทางปีนหน้าผาที่นี่ สามารถติดตามได้ใน Instagram: Kanchanaburi_alpine และขอขอบคุณ TMSC ที่มีส่วนช่วยเหลือ สนับสนุนเพิ่มเติม เพื่อให้กิจกรรมปีนหน้าผาได้แพร่หลายมากขึ้น สุดท้ายมีณอยากจะบอกว่า การที่คนเราอยากจะทำอะไรก็แล้วแต่ หากเรามีสิ่งที่ฝัน และฝันจะเป็นจริงได้ คือต้องลงมือทำ ดังเช่นพี่ดลและพี่วี ที่ไม่ละทิ้งความพยายาม แต่ยังก้าวเดินต่อไป เพื่อให้ฝันเป็นจริง และนี่คือความจริงที่มีณประสบพบเจอ
หากใครอยากสนับสนุนพวกพี่ๆที่เมืองกาญจนบุรีแห่งนี้ สามารถติดต่อได้ทาง Thailand Mountain Sports Club (TMSC) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่มีส่วนช่วยพัฒนากิจกรรมปีนหน้าผาแบบ Outdoor ในเมืองไทยค่ะ